พายุไต้ฝุ่นนิดา (พ.ศ. 2547)
พายุไต้ฝุ่นนิดาขณะมีกำลังแรงสูงสุดเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2547 | |
ประวัติทางอุตุนิยมวิทยา | |
---|---|
ก่อตัว | 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2547 |
นอกเขตร้อน | 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2547 |
สลายตัว | 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2547 |
พายุไต้ฝุ่นรุนแรง | |
10-นาที ของเฉลี่ยลม (JMA) | |
ความเร็วลมสูงสุด | 205 กม./ชม. (125 ไมล์/ชม.) |
ความกดอากาศต่ำสุด | 905 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์) ; 26.72 นิ้วปรอท |
พายุไต้ฝุ่น | |
10-นาที ของเฉลี่ยลม (TMD) | |
ความเร็วลมสูงสุด | 205 กม./ชม. (125 ไมล์/ชม.) |
ความกดอากาศต่ำสุด | 905 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์) ; 26.72 นิ้วปรอท |
พายุซูเปอร์ไต้ฝุ่นระดับ 5 | |
1-นาที ของเฉลี่ยลม (SSHWS/JTWC) | |
ความเร็วลมสูงสุด | 285 กม./ชม. (180 ไมล์/ชม.) |
ความกดอากาศต่ำสุด | 900 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์) ; 26.58 นิ้วปรอท |
ผลกระทบ | |
ผู้เสียชีวิต | 31 ราย |
ความเสียหาย | $1.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ค่าเงินปี พ.ศ. 2547 USD) |
พื้นที่ได้รับผลกระทบ | ฟิลิปปินส์, ญี่ปุ่น |
IBTrACS | |
ส่วนหนึ่งของ ฤดูพายุไต้ฝุ่นแปซิฟิก พ.ศ. 2547 |
พายุไต้ฝุ่นนิดา (อักษรโรมัน: Nida)[nb 1] หรือที่ในประเทศฟิลิปปินส์เรียกว่า พายุซูเปอร์ไต้ฝุ่นดินโด (ตากาล็อก: Dindo)[nb 2] เป็นพายุหมุนเขตร้อนที่มีความรุนแรงที่สุดเป็นอันดับสามรองจากพายุไต้ฝุ่นเตี้ยนหมู่ และพายุไต้ฝุ่นชบา และเป็นพายุที่มีความรุนแรงที่สุดต่อทางตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์นับตั้งแต่พายุไต้ฝุ่นเซ็บในปี พ.ศ. 2541 ก่อตัวขึ้นจากหย่อมความกดอากาศต่ำเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2547 อยู่ทางตะวันออกของประเทศปาเลา หลังจากนั้นพายุก็เคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกอย่างช้า ๆ และกลายเป็นพายุโซนร้อนเมื่อเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ พายุโซนร้อนนิดาได้ทวีกำลังแรงขึ้นอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นพายุไต้ฝุ่น และเผยให้เห็นตาพายุที่กำลังปรากฏขึ้น พายุไต้ฝุ่นนิดามีกำลังแรงสูงสุดด้วยความเร็วลม 205 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (125 ไมล์ต่อชั่วโมง)[nb 3] และความกดอากาศที่ 905 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์ 26.72 นิ้วของปรอท) หลังจากนั้นพายุก็เริ่มเปลี่ยนทิศทางไปทางทิศเหนือมากขึ้นเมื่อเคลื่อนตัวผ่านจังหวัดคาตันดัวเนส และอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศญี่ปุ่น หลังจากนั้นพายุโซนร้อนนิดาก็ได้กลายเป็นพายุหมุนนอกเขตร้อน และพายุสลายไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศญี่ปุ่น
การกระจายความรุนแรงของลมกับฝนในแนวนอนจากพายุไต้ฝุ่นนิดา อัตราน้ำฝนในบริเวณกึ่งกลางมาจากเรดาร์วัดปริมาณน้ำฝนในเขตร้อนชื้นในขณะที่อัตราน้ำฝนในเขตรอบนอกมาจากเครื่องวัดปริมาณน้ำฝนแบบภาพไมโครเวฟ อัตราน้ำฝนซ้อนทับบนข้อมูลอินฟราเรดจากเครื่องสแกนแบบมองเห็น และอินฟราเรด ภารกิจวัดปริมาณน้ำฝนในเขตร้อนแสดงให้เห็นว่าพายุยังคงก่อตัวขึ้นอยู่เรื่อย ๆ โดยยังไม่มีหลักฐานใด ๆ เพราะยังเป็นแค่พายุโซนร้อน และอัตราน้ำฝนระดับปานกลางส่วนใหญ่อยู่ใกล้ศูนย์กลางของพายุ หลักจากนั้นพายุไต้ฝุ่นนิดาก็จัดระเบียบได้ดีขึ้น และมีแถบคาดมากขึ้นในทุ่งฝน แม้ว่าตาพายุจะยังสมบูรณ์ได้ไม่ดีก็ตาม ศูนย์กลางของพายุลูกนี้น่าจะแสดงผลของการถูกรบกวนโดยภูมิประเทศเมื่อพายุเคลื่อนตัวผ่านจังหวัดคาตันดัวเนส และเครื่องสร้าง��าพไมโครเวฟแสดงให้เห็นตาพายุที่มีรูปร่างเกือบสมบูรณ์พร้อมบริเวณที่มีฝนตกหนัก[1]
พายุไต้ฝุ่นนิดาทำให้เกิดน้ำท่วม และดินถล่มในเขตบีโคลของเกาะลูซอน จึงทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 ราย และมีผู้อพยพประมาณ 1,000 คน ขณะที่พายุอยู่ทางตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ก่อนที่จะเคลื่อนตัวไปทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น[2] โดยรวมแล้ว มีผู้เสียชีวิตประมาณ 31 ราย และเกิดความเสียหายประมาณ 1.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[nb 4]
ประวัติทางอุตุนิยมวิทยา
[แก้]ประวัติทางอุตุนิยมวิทยาของพายุไต้ฝุ่นนิดา
- วันที่ 12 พฤษภาคม บริเวณหย่อมความกดอากาศต่ำก่อตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องภายในร่องมรสุม และเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศปาเลาประมาณ 350 กิโลเมตร (220 ไมล์) ภาพถ่ายดาวเทียมเผยให้เห็นการไหลเวียนในระดับต่ำที่อ่อนแอในขั้นต้น แต่สามารถมองเห็นความลาดเอียงได้ ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC)[nb 5] ได้คาดการณ์ว่าพายุทวีกำลังแรงขึ้นอย่างช้า ๆ
- วันที่ 13 พฤษภาคม หย่อมความกดอากาศต่ำได้ทวีกำลังแรงขึ้นจนกลายเป็นพายุดีเปรสชันเขตร้อนในตอนเย็น และเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งได้ถูกกำหนดหมายเลขอย่างเป็นทางการว่า 04W โดยศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) ในช่วงเวลาของการก่อตัวหย่อมความกดอากาศต่ำตั้งอยู่ประมาณ 310 กิโลเมตร (190 ไมล์) ทางตะวันออกของประเทศปาเลา ขณะที่พายุกำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็วลมที่ต่อเนื่องเพียง 10 นาทีที่ 5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (3 ไมล์ต่อชั่วโมง) ภาพถ่ายดาวเทียมควิคเอสซีเอทีแสดงให้เห็นว่าลมของพายุดีเปรสชันเขตร้อนอยู่ใกล้ประมาณ 46 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (29 ไมล์ต่อชั่วโมง) และลมแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภาพจากดาวเทียมในเวลาต่อมาพบว่ามีการพาความร้อนลึก ซึ่งจัดอยู่เหนือการหมุนเวียนในระดับต่ำ
- วันที่ 14 พฤษภาคม พายุดีเปรสชันเขตร้อนได้ทวีกำลังแรงขึ้นอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นพายุโซนร้อนในช่วงเช้า และสำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA)[nb 6] ได้กำหนดให้ใช้ชื่อว่า นิดา
- วันที่ 15 พฤษภาคม สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) รายงานว่าพายุโซนร้อนนิดาได้ทวีกำลังแรงขึ้นอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นพายุโซนร้อนกำลังแรงในเช้าตรู่ และยังคงเคลื่อนตัวเข้าใกล้ประเทศฟิลิปปินส์ด้วยเส้นทางทิศตะวันตกเฉียงเหนืออย่างช้า ๆ พายุโซนร้อนกำลังแรงนิดาเริ่มมีตาพายุที่มีลักษณะเป็นเกลียวค่อนข้างชัดเจน และสามารถมองเห็นบริเวณที่คล้ายตาพายุได้ ขณะนี้พายุได้ทวีกำลังแรงขึ้นจนกลายเป็นพายุไต้ฝุ่น และเคลื่อนตัวเข้าใกล้ประเทศฟิลิปปินส์อย่างต่อเนื่อง พื้นที่เมฆหนาทึบตรงกลางของพายุไต้ฝุ่นนิดาก็เริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้น โค้งมนมากขึ้น และโครงสร้างของผนังตาก็เริ่มมีการจัดระเบียบได้อย่างเต็มที่ ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) รายงานความเร็วลมที่ต่อเนื่องเพียง 1 นาทีที่ 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (115 ไมล์ต่อชั่วโมง) หรือมีความเข้มข้นเทียบเท่าหมวด 3 ในระดับลมมาตราเฮอริเคนแซฟเฟอร์–ซิมป์สัน
- วันที่ 16 พฤษภาคม พายุไต้ฝุ่นนิดาได้กลายเป็นพายุซูเปอร์ไต้ฝุ่นระดับ 5 เนื่องจากมีความเร็วลมสูงสุด 1 นาทีที่ 285 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (180 ไมล์ต่อชั่วโมง) ลมกระโชกแรงมาจากศูนย์กลางของพายุอยู่ที่ประมาณ 55 กิโลเมตร (35 ไมล์) และความกดอากาศที่ 905 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์ 26.72 นิ้วของปรอท) ภาพถ่ายดาวเทียมแสดงให้เห็นว่าพายุได้พัฒนาตาพายุที่กำลังขยายกว้างประมาณ 40 กิโลเมตร (25 ไมล์) และพายุกำลังเคลื่อนตัวไ���ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือผ่านตอนกลางของประเทศฟิลิปปินส์
- วันที่ 17 พฤษภาคม พายุไต้ฝุ่นนิดาได้เคลื่อนตัวผ่านจังหวัดคาตันดัวเนส จึงทำให้พายุอ่อนกำลังลงในชั่วขณะหนึ่งแล้วเคลื่อนตัวไปทางทิศเหนือมากขึ้น และชะลอตัวลง เมื่อพายุเคลื่อนตัวกลับเข้าสู่น่านน้ำที่อุ่นขึ้นของมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก จึงทำให้ลมของพายุกลับมาทวีกำลังแรงขึ้นอีกครั้งจนกลายเป็นพายุซูเปอร์ไต้ฝุ่นระดับ 4 ด้วยความเร็วลมที่ต่อเนื่องเพียง 1 นาทีที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (155 ไมล์ต่อชั่วโมง) ในทางตะวันออกของเกาะลูซอน
- วันที่ 18 พฤษภาคม พายุซูเปอร์ไต้ฝุ่นนิดาได้อ่อนกำลังลงจนกลายเป็นพายุไต้ฝุ่นอีกครั้งภายใต้อิทธิพลของลมเฉือนแนวตั้งแรงในทางตอนเหนือของประเทศไต้หวัน และพายุเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ในตอนกลางคืน ภาพถ่ายดาวเทียมอินฟราเรดแสดงให้เห็นว่าตาพายุถูกบดบังด้วยเมฆเซอร์โรสเตรตัสสูง ซึ่งบ่งบอกถึงพายุไต้ฝุ่นนิดาได้อ่อนกำลังลง การพาความร้อนทางตอนเหนือของพายุได้ถูกแยกออกจากกัน แต่ศูนย์กลางยังคงมีการจัดระเบียบได้อย่างดี หลังจากนั้นพายุก็ได้เคลื่อนตัวไปทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศไต้หวัน และเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
- วันที่ 20 พฤษภาคม พายุไต้ฝุ่นนิดาได้อ่อนกำลังลงจนกลายเป็นพายุโซนร้อนกำลังแรงในตอนเย็น หลังจากนั้นไม่นานก็อ่อนกำลังลงจนกลายเป็นพายุโซนร้อน ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) รายงานความเร็วลมที่ต่อเนื่องเพียง 1 นาทีที่ 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (90 ไมล์ต่อชั่วโมง) และกลายเป็นพายุหมุนนอกเขตร้อนในเช้าวันรุ่งขึ้น
- วันที่ 21 พฤษภาคม พายุโซนร้อนนิดาได้กลายเป็นพายุหมุนนอกเขตร้อน สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) ยังคงติดตามเศษซากของพายุในขณะที่กำลังเคลื่อนตัวไปทางตะวันออกเฉียงเหนือประเทศญี่ปุ่น
การเตรียมการ
[แก้]ประเทศไต้หวัน
[แก้]มีการยกเลิกให้บริการเรือข้ามฟากผู้โดยสารประมาณ 15,057 คน และนักพยากรณ์อากาศที่สำนักงานอุตุนิยมวิทยากลาง (CWB) ได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับพายุไต้ฝุ่นนิดา เนื่องจากแบบจำลองพยากรณ์คาดการณ์ว่ามีความเป็นไปได้สูงที่พายุจะเคลื่อนตัวพัดถล่มประเทศไต้หวัน
ผลกระทบ
[แก้]ประเทศฟิลิปปินส์
[แก้]ก่อนที่พายุไต้ฝุ่นนิดากำลังจะเคลื่อนตัวเข้ามาทำให้ประธานาธิบดีกลอเรีย มาคาปากัล-อาร์โรโย ได้วางมาตรการฉุกเฉินไว้ 8 แห่ง ภายใต้ภาวะฉุกเฉิน และมีการเปิดศูนย์อพยพเพื่อรองรับประชาชนประมาณ 2,986 คน หน่วยยามฝั่งของนครเซบูรายงานว่าเรือยนต์ที่มีผู้โดยสารประมาณ 200 คน ระหว่างทางจากออร์มอค จังหวัดเลเต ไปยังนครเซบู จึงทำให้เรือยนต์ไม่สามารถทนต่อคลื่นทะเลได้อีกต่อไป เรือยนต์ถูกพลิกคว่ำโดยคลื่นทะเลขนาดใหญ่ และอยู่ห่างจากฝั่งไม่ถึง 2 กิโลเมตร (1 ไมล์) ในขณะนั้น ผู้โดยสารอย่างน้อย 70 คน ได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยยามฝั่ง และเรือใกล้เคียง จึงทำให้พบผู้เสียชีวิตประมาณ 6 ราย นอกจากนี้ ผู้รอดชีวิตเห็นผู้เสียชีวิตลอยอยู่ในทะเล และยังมีรายงานอีกว่าผู้โดยสารบางคนอาจติดอยู่ในห้องโดยสารเมื่อเวลาประมาณ 14:35 น. (07:35 น. เวลาสากลเชิงพิกัด) ของเมื่อวานนี้ ทางตอนใต้ของจังหวัดคามารีเนสซูร์ได้ถูกน้ำท่วม เนื่องจากฝนตกหนักเป็นเวลาหลายวัน และทำให้เกิดดินถล่มในพื้นที่ชนบท 3 แห่ง บ้านเรือนประมาณ 700 หลัง ถูกฝัง หรือถูกดินโคลนซัดออกไปในจังหวัดคาตันดัวเนส เนื่องจากฝนตกหนัก มีรายงานผู้เสียชีวิต 1 ราย จากฟ้าผ่าในซันโฮเซเดอบูเวนาบิสตา จังหวัดอันตีเก และชาวประมงอีกประมาณ 3 ราย ได้สูญหายไป ผู้คนประมาณ 18,000 คน พลัดถิ่นทางตอนใต้ของเกาะลูซอน และทางตะวันออกของวิซายัส ในช่วงสองวันที่ผ่านมา[5]
พายุไต้ฝุ่นนิดาได้ก่อตัวพายุทอร์นาโดที่สร้างความเสียหายมูลค่าประมาณ 3.6 ล้านเปโซฟิลิปปินส์ (65,054 ดอลลาร์สหรัฐ) ในกิมบา จังหวัดนูเอวาเอซีฮา และเกิดฝนตกหนักทั่วทางตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ มีรายงานปริมาณน้ำฝนสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 270 มิลลิเมตร (11 นิ้ว) ในออมเบา ในขณะที่จังหวัดคามารีเนสซูร์ได้รับน้ำฝนประมาณ 150 มิลลิเมตร (6 นิ้ว) และน้ำฝนส่วนที่เหลือในประเทศฟิลิปปินส์ได้รับไปประมาณ 372 มิลลิเมตร (15 นิ้ว)[6][7] ระหว่างที่พายุกำลังเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งในหมู่เกาะคาโมเตส จึงทำให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 9 ราย และมีผู้สูญหายประมาณ 5 ราย บ้านเรือนได้รับความเสียหายประมาณ 5,938 หลัง และบ้านเรือนได้รับความเสียหายอย่างหนักอีกประมาณ 4,071 หลัง และทำให้ประชาชนประมาณ 11,000 คน ต้องพลัดถิ่นในกิมบา จังหวัดนูเอวาเอซีฮา เรือข้ามฟากได้ล่มจมในขณะที่พายุไต้ฝุ่นนิดากำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศเหนือ จึงทำให้ลูกเรือประมาณ 13 คน ได้รับการช่วยเหลือเมื่อเรือเกยตื้นใกล้เกาะลูซอน ภาพข่าวทางโทรทัศน์ได้เผยให้เห็นต้นไม้จำนวนมากถูกถอนรากถอนโคน เสาไฟฟ้าโค่นล้มกลางถนน และหลังคาบ้านบางหลังถูกลมแรงพัดปลิว โดยรวมแล้ว พายุไต้ฝุ่นนิดาได้ทำให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 31 ราย และสร้างความเสียหายทั้งหมดต่อโครงสร้างของสิ่งก่อสร้าง พื้นที่เกษตรกรรม และทรัพย์สินอยู่ที่ประมาณ 72 ล้านเปโซฟิลิปปินส์ (1.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ทั่วทางตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์[8][9]
ประเทศญี่ปุ่น
[แก้]ฝนตกหนักที่เกิดจากแถบนอกของพายุโซนร้อนนิดาที่ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และดินถล่มในจังหวัดฟูกูชิมะ ทางหลวงหลายสายได้ปิดตัวลง เนื่องจากน้ำขึ้นสูง และบ้านเรือนบางหลังก็ถูกน้ำท่วมในมิโตะ จังหวัดอิบารากิ[10] บ้านเรือนประมาณ 360 หลัง ได้ถูกปล่อยทิ้งไว้โดยไม่มีไฟฟ้าใช้ หลังจากที่เกิดลมแรงทำให้สายไฟของเสาไฟฟ้าได้ขาดเสียหาย[11] นอกเหนือจากโครงสร้างของสิ่งก่อสร้างได้รับความเสียหายที่เกิดจากพายุฝนฟ้าคะนอง สภาพอากาศแปรปรวนที่กำลังเกิดขึ้นระหว่างทางอากาศส่งผลกระทบให้เที่ยวบินหลายเที่ยวถูกยกเลิกในเกาะมินะมิไดโต[12] สถานีตรวจอากาศในจังหวัดโอกินาวะที่ดำเนินการโดยองค์การอุตุนิยมวิทยาโลกได้รายงานความเร็วลม สูงสุด 115 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (70 ไมล์ต่อชั่วโมง) และความกดอากาศที่ 972 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์ 28.7 นิ้วของปรอท) ปริมาณน้ำฝนโดยรวมอยู่ที่ประมาณ 32 มิลลิเมตร (1.25 นิ้ว) และปริมาณน้ำฝนสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 71 มิลลิเมตร (2.79 นิ้ว) ไม่มีรายงานความเสียหาย ผู้บาดเจ็บ และผู้เสียชีวิต
ดูเพิ่ม
[แก้]หมายเหตุ
[แก้]- ↑ "นิดา" เป็นชื่อพายุหมุนเขตร้อนในรายชื่อชุดที่ 4 ลำดับที่ 12 ของมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกฝั่งเหนือ และส่งโดยประเทศไทย
- ↑ พายุซูเปอร์ไต้ฝุ่น "ดินโด" (13 ถึง 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2547) จากรายงานของสำนักงานบริหารบรรยากาศ ธรณีฟิสิกส์ และดาราศาสตร์แห่งฟิลิปปินส์ (PAGASA)
- ↑ ความเร็ว���มเฉลี่ยนี้ใช้ความเร็วลมเฉลี่ยใน 10 นาที เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอื่น ๆ
- ↑ ตัวเลขความเสียหายในบทความนี้เป็นค่าเงินในปี พ.ศ. 2547 เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอื่น ๆ
- ↑ ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม เป็นหน่วยงานเฉพาะกิจร่วมระหว่างกองทัพเรือสหรัฐ – กองทัพอากาศสหรัฐ ซึ่งจะออกประกาศเตือนภัยพายุหมุนเขตร้อนในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก และภูมิภาคอื่น ๆ[3]
- ↑ สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นเป็นศูนย์อุตุนิยมวิทยาชำนัญพิเศษประจำภูมิภาคอย่างเป็นทางการในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก[4]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "Typhoon Nida". earthobservatory.nasa.gov (ภาษาอังกฤษ). Nasa. 2004-05-18. สืบค้นเมื่อ 18 May 2004.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Typhoon Nida". earthobservatory.nasa.gov (ภาษาอังกฤษ). Nasa. 2004-05-19. สืบค้นเมื่อ 19 May 2004.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Joint Typhoon Warning Center Mission Statement". Joint Typhoon Warning Center. United States Navy. 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 26, 2007. สืบค้นเมื่อ December 25, 2011.
- ↑ "Annual Report on Activities of the RSMC Tokyo – Typhoon Center 2000" (PDF). Japan Meteorological Agency. February 2001. p. 3. สืบค้นเมื่อ December 25, 2011.
- ↑ Fang-Ching Chien; Ben Jong-Dao Jou; Pay-Liam Lin & Jing-Shan Hong (2004-05-28). "A Real-time MM5/WRF Forecasting system in Taiwan" (PDF) (ภาษาอังกฤษ). University Corporation for Atmospheric Research. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 12 May 2006. สืบค้นเมื่อ 26 September 2006.
- ↑ Gary Padgett (2010-04-12). "May 2004 Monthly Global Tropical Cyclone Summary" (ภาษาอังกฤษ). Australia Severe Weather via the Internet Wayback Machine. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 December 2004. สืบค้นเมื่อ 12 April 2010.
- ↑ Galvin, J. F. P. (2005-03-01). "Typhoon Nida and its effects in the Philippines". Weather (ภาษาอังกฤษ). 60 (3): 71–74. doi:10.1256/wea.146.04. สืบค้นเมื่อ 1 March 2005.
- ↑ ":: STY NIDA Summary > May 13-22, 2004 ::". www.typhoon2000.ph (ภาษาอังกฤษ). 2004-05-20. สืบค้นเมื่อ 27 September 2006.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Nida's impact on the Philippines" (PDF) (ภาษาอังกฤษ). World Meteorological Organization. 2004-05-20. สืบค้นเมื่อ 27 September 2006.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Fukushima Prefecture Damage Report for Typhoon Nida". agora.ex.nii.ac.jp (ภาษาอังกฤษ). National Institute of Informatics. 2010-04-17. สืบค้นเมื่อ 17 April 2010.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Mito, Ibaraki Damage Report for Typhoon Nida". agora.ex.nii.ac.jp (ภาษาอังกฤษ). National Institute of Informatics. 2010-04-17. สืบค้นเมื่อ 17 April 2010.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Kagoshima Prefecture Damage Report for Typhoon Nida". agora.ex.nii.ac.jp (ภาษาอังกฤษ). National Institute of Informatics. 2010-04-17. สืบค้นเมื่อ 17 April 2010.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- พายุหมุนเขตร้อนระบบดิจิทัล (Digital Typhoon) ข้อมูลของพายุไต้ฝุ่นนิดา (0402)
- สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) ข้อมูลเส้นทางของพายุไต้ฝุ่นนิดา (0402)
- สำนักงานอุตุนิยมวิทยาไทย (TMD) ข้อมูลเส้นทางของพายุไต้ฝุ่นนิดา (0402)
- ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) ข้อมูลเส้นทางของพายุซูเปอร์ไต้ฝุ่นนิดา (04W)